อันดับแรกของการเที่ยวสิงคโปร์คงหนีไม่พ้นย่านธุรกิจและตึกที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศนี้ นั่นก็คือริมอ่าวมารินาและย่านซิตี้ฮอลล์ การเดินทางมาที่นี่ก็สามารถนั่งรถไฟใต้ดิน MRT มาลงที่สถานี City Hall หรือ Marina Bay ก็ได้ครับหลังจากนั้นก็เดินชมวิวเมืองไปเรื่อยๆ แต่ต้องขอบอกว่าสภาพอากาศที่ประเทศสิงคโปร์นั้นไม่ได้เย็นไปกว่าบ้านเราเลยครับ เผลอๆถ้าต้องเดินตอนกลางวันอาจจะร้อนมากด้วย รวมทั้งบางทีก็มีฝนตกอยู่บ่อยๆ ด้งนั้นแนะนำให้เตรียมร่มคันเล็กๆมาเผื่อไว้ก็ดีครับ
เป้าหมายของการเดินชมเมื่องย่านนี้คือตึกที่สวยงามต่างๆสองข้างทาง เช่นรวมทั้งโรงละคร Esplanade ที่อยู่ริมอ่าว ซึ่งที่นี่ตั้งใจทำให้เป็นรูปทรงคล้ายทุเรียนครับ ถ้ามองใกล้ๆจะเห็นเป็นสามเหลี่ยมเล็กๆจำนวนมาก อันที่จริงสิงคโปร์คงตั้งใจจะเลียนแบบ Opera House ของประเทศออสเตรเลียที่เป็นโรงละครเหมือนกันครับ เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศอีกแห่งหนึ่ง
เดินชมวิวเมืองบนสะพานข้ามอ่าว ด้านหน้าเห็นเป็นวิวย่านตึกสูงใจกลางเมือง
โรงละคร Esplanade รูปทรบคล้ายทุเรียน
อีกมุมนึงของศูนย์กลางเมือง
มองออกไปจะเห็นตึก Marina Bay Sands เรียงกัน 3 ตึก
ซึ่งเป็นโรงแรมและคาสิโน
โรงแรม The Fullerton Hotel ที่เก่าแก่
เดินข้ามสะพานมาเล็กน้อยจะเห็นลานซึ่งเป็นที่ตั้งของสัญลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างของประเทศสิงคโปร์ได้แก่รูปปั้นสิงโตพ่นน้ำ (Merlion) ซึ่งตอนที่ผมไปนั้น (ประมาณ เม.ย. 2554) กำลังเป็นช่วงที่จะมีการจัดงานศิลปะของประเทศสิงคโปร์ ทำให้รัฐบาลมีความคิดจะทำ Merlion Hotel โดยการสร้างอาคารขึ้นมาครอบตัวรูปปั้นเดิม และจะรื้อออกไปให้เห็นรูปปั้นแบบเดิมหลังจากวันที่ 5 พค. (ปัจจุบันเห็นเป็นรูปปั้นตัวใหญ่เหมือนปกติแล้ว) ผมเลยมีโอกาสได้ดูแค่รูปปั้นจำลองตัวเล็กเท่านั้น อย่างไรก็ตามรูปปั้น Merlion นั้นยังมีตัวใหญ่อีกตัวที่เกาะ Sentosa นะครับ ซึ่งผมมีโอกาสได้ไปมาเหมือนกัน (ดูในหน้า Sentosa)
ลอนที่ตั้งของรูปปั้น Merlion
Merlion จำลองตัวเล็ก (ตัวจริงอยู่ในอาคารสีแดงด้านหลัง)
หลังจากนั้นก็เดินมุ่งหน้าไปที่กลุ่มตึก SUNTEC CITY ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 5 ตึกส่วนมากจะเป็นอาคารสำนักงาน มีห้างสรรพสินค้าอยู่บ้างคือ Suntec City Mall ด้านล่างของมอลล์นี้เองจะเป็นที่ตั้งของโรงเบียร์เยรมันตะวันแดงของคนไทยด้วย และที่สำคัญที่สุดใจกลางของตึกทั้ง 5 นั้นจะเป็นเป็นที่ตั้งของน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง หรือ Fountain of Wealth ซึ่งถูกจัดให้เป็นน้ำพุที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลก ในช่วงกลางคืนของทุกคืนเวลาประมาณ 20.00 น. จะมีการแสดงน้ำพุประกอบแสง ว่ากันว่า ถ้ามาที่นี่แล้วต้องเดินรอบๆ และสัมผัสน้ำพุ ก็จะโชคดี และ จะมีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ถ้าให้เป็นไปตามสูตรเลย จะต้องเดินให้ครบ 3 รอบ พร้อมกับสัมผัสน้ำพุด้วย ยิ่งไปกว่านั้นจะต้องมาที่นี่ให้ครบ 9 วัน แล้วทุกวันที่มาจะต้องทำแบบเดียวกัน จะยิ่งเป็นการช่วยนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคล และ จะทำให้เรามีความร่ำรวยมั่งคั่งในชีวิต (แต่ใครจะไปเที่ยวถึง 9 วันกันหล่ะเนี่ย)
Suntec City Mall ด้านล่างเป็นโรงเบียร์เยรมันตะวันแดง
น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง อยู่ใจกลางของหมู่ตึกทั้ง 5 ของ Suntec City
วงแหวนน้ำพุระยะใกล้ แต่ตอนนั้นยังไม่เปิดน้ำ (จะเปิดเป็นเวลา)
ใจกลางของน้ำพุ มีป้ายบอกวิธีการเดินวนด้วย ระหว่างเดินก็เอามือแตะน้ำไปด้วย
ถัดมาเป็นโรงแรมหรูหราเก่าแก่ Raffles Hotel ซึ่งภายในเป็น Shopping Arcade และ พิพิธภัณฑ์เล็กๆ ภายในตึกก็สวยดีครับ แต่ร้านค้าไม่มีอะไรมาก นอกจากนั้นส่วนมากจะเป็นของแพงด้วยครับ ถ้าไม่ได้ผ่านมาทางนี้จริงๆก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินมาก็ได้ครับ
ประวัติศาสตร์ของโรงแรมนี้อีกอย่างคือชั้นบนซึ่งเป็นที่ตั้งของ Bar แห่งนี้นี่เองเป็นต้นตำรับของเครื่องดื่มคอกเทล Singapore Sling ชื่อด้ง ใครอยากลองไปชิมก็เชิญชั้นบนเลยครับ
โรงแรม Raffles Hotel
พิพิธภัณฑ์ภายในโรงแรม
ถ้าดูตามแผนที่แล้วสถานที่เที่ยวแต่ละแห่งที่พูดมาในย่าน City Hall และ Marina Bay นั้นตั้งอยู่ตามแผนที่ด้านล่างนี้ ซึ่งถ้าอากาศร้อนก็อาจจะเดินเหนื่อยไปหน่อย สามารถใช้รถไฟใต้ดินไปได้ เช่น ถ้าจะไป Suntec City ให้ใกล้ก็แนะนำให้ลงสถานี Promenade หรือ ถ้าจะเดินดู Merlion ชมอ่าวมาริน่าก็สามารถลงรถไฟที่สถานี Raffles Place แล้วเดินข้ามสะพานมาที่สถานี Esplanade ก็ได้ครับ
นอกจากนี้ ระหว่าสถานี Promenade ถ้าจะเดินไปยัง Suntec City จะมีทางเดินใต้ดินซึ่งมีร้านขายของมากมายตามทางมีชื่อว่า City Link หนึ่งในนั้นคือร้านขาย Popcorn เจ้าดัง Garrett บางเวลาก็จะมีคนต่อแถวซื้อค่อนข้างยาวโดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ถ้าช่วงเช้าหน่อยก็ยังไม่ค่อยมีคนซื้อครับ รสชาติที่อร่อยคือรสคาราเมล คาราเมลเค้าเยอะมากเข้าไปอยู่ในเนื้อข้าวโพดเลย แต่กินเยอะๆแล้วก็เลี่ยนเหมือนกัน
ยังไงใครไปเที่ยวแล้วมีอะไรอยากแนะนำเพิ่มเติมก็มาแบ่งปันกันได้นะครับ